วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

3. EMF มีผลต่อสุขภาพจริงหรือ?

เป็นที่ถกเถียงกันมาตลอดว่า จริงๆแล้ว EMF มีผลเสียต่อสุขภาพจริงอย่างที่บางคนว่าหรือเปล่า  แม้จะมีรายงานว่า มีสถิติการเกิดมะเร็งสมองเพิ่มขึ้น หรืออาการป่วยต่างๆเพิ่มขึ้น ในกลุ่มคนที่ใช้โทรศัพท์มือถือ หรือ กลุ่มคนที่อยู่ในรัศมีใกล้เคียงเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์  แต่ก็มักมีนักวิจัย หรือแพทย์ ฝ่ายตรงข้ามที่ออกมาแย้ง คัดค้านด้วยข้อมูลเสมอๆว่า ข้อมูลไม่ชัดเจนบ้าง พิสูจน์ไม่ได้บ้าง ว่า EMF เป็นสาเหตุของโรคต่างๆที่เกิดขึ้น เพราะมีปัจจัยมากมายที่อาจเป็นต้นเหตุ และคนจำนวนมากก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร  ยิ่งในประเทศด้อยพัฒนา ปัญหาสุขภาพจาก EMF ไม่ต้องพูดถึงเลย เหมือนเป็นเรื่องไร้สาระสำหรับผู้นำประเทศ ตราบใดที่บริษัทผู้นำการสื่อสารยังส่งผลประโยชน์ให้รัฐบาลจำนวนมหาศาล  เรื่องที่จะไปนำเสนอว่า EMF จากเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ เป็นอันตรายต่อสุขภาพ คงไม่ต้องไปหวัง

สำหรับคนอื่น จะเชื่อข้อมูลจากด้านไหนก็แล้วแต่ครับ จะเชื่อว่า EMF เป็นอันตราย หรือ ไม่เป็นอันตราย ก็แล้วแต่  ส่วนตัวผมเอง มีประสบการณ์ส่วนตัวในเรื่องนี้พอควร  คือเมื่อประมาณ 4-5 ปีก่อน ผมเริ่มมีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับเรื่องข้อบ่อยๆ มีอาการปวดหลัง ปวดข้อสะโพก ปวดข้อเท้า สลับกลับไปกลับมา ลักษณะการปวดก็แปลกๆ หาสาเหตุอะไรก็เจอแต่ Uric สูงกว่าปกติ ก็คิดว่าเป็นโรคเก้าท์  ตามสภาพลักษณะการใช้ชีวิต และรูปร่าง  ก็รักษาด้วยการกินยาลดยูริค  ยาลดการอักเสบของข้อกลุ่มที่ไม่ใช่สเตียรอยด์  แรกๆเวลามีอาการ ก็คุมอยู่ กินยาไม่นานก็หายเป็นปกติ แต่ต่อมา อาการของโรคก็เริ่มแย่ลงอย่างรุนแรง และส่วนมากจะปวดข้อเท้ามาก ปวดแต่ละครั้งก็จะเดินไม่ได้ ต้องใช้ไม้เท้าทั้งสองข้างช่วยพยุงเดิน  กินยาเหมือนที่เคยกินก็ไม่หาย จนสุดท้ายกินสเตียรอยด์ช่วย ก็ดีขึ้นบ้างแต่ไม่หาย อาการที่เป็นเริ่มเป็นถี่ขึ้นเรื่อยๆ จากสองสามเดือนเป็นครั้ง กลายเป็นเดือนละครั้ง กลายเป็นสองสัปดาห์เป็นครั้ง จนสุดท้ายมีอาการปวดข้อเท้าตลอดเวลา จนแทบจะต้องนอนบนเตียงตลอด  คิดว่าตัวเองเป็นอะไร ไปตรวจร่างกาย เจาะเลือดทั่วไป เอ็กซเรย์ อัลตร้าซาวด์ ไม่เจออะไรเป็นพิเศษ นอกจาก Uric สูงประมาณ 7 ก็ยังคิดว่าเป็น เก้าท์ แต่ก็แปลกใจตรงที่รู้สึกว่า อาการมันไม่เหมือนเก้าท์ มันเหมือนภูมิต้านทานทำลายตัวเอง ทำลายข้อเท้าตัวเอง เช่น ถ้ามีการบาดเจ็บที่กระดูกหรือเอ็นข้อเท้าแม้เพียงเล็กน้อย ก็จะเริ่มบวมแดงขึ้นมาทีละน้อย จนบวมแดงร้อน อักเสบรุนแรง เดินไม่ได้ เหมือนภูมิต้านทานตัวเอง มาทำลายข้อ และกระดูกตัวเอง โดยที่่จำไม่ได้ว่ามันเป็นอวัยวะของเราเอง  จนเมื่ออาการหนักเต็มที่ เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เป็นช่วงที่ไม่อยากทำอะไร คิดว่าตัวเองคงใกล้ตายแล้ว ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายตัวเอง

วันหนึ่ง ผมไปเห็นพลาสเตอร์แม่เหล็กของญี่ปุ่น ที่คุณแม่ แปะติดที่เข่า แก้ปวด ก็เอามาดูด้วยความไม่เชื่อว่ามันจะช่วยอะไรได้ เห็นมีแม่เหล็กขนาดจิ๋วติดอยู่ที่พลาสเตอร์นั้น ก็เลยเริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาด้วยแม่เหล็ก หรือ Magnetotherapy  พอศึกษาหาข้อมูลไปเรื่อยๆก็พบว่า ระยะหลังมีการพัฒนาวิธีการรักษาเป็นการใช้แม่เหล็กแบบเป็นจังหวะ หรือ Pulsed Magnetic ผมยังไม่เชื่อว่า แม่เหล็กจะรักษาโรคได้จริง พอดีที่บ้านมีแม่เหล็กกลมแบบเล็กๆ ที่ซื้อมาจากร้านเครื่องเขียน  และจังหวะนั้นเอง ผมเกิดมีก้อนแข็งๆเกิดขึ้นที่นิ้วโป้งเท้า ลักษณะเหมือน ที่คนชอบเป็นกันที่ข้อมือ ที่เรียกว่า Carpal Ganglion Cyst เพียงแต่ไปเกิดที่ข้อนิ้วโป้งเท้า ซึ่งปกติส่วนมากการรักษา มักจบลงที่การผ่าตัดเอาออก  ช่วงนั้นนึกยังไงไม่รู้ ลองเอาแม่เหล็กที่มี ติดบนกระดาษกาว ก่อน แล้วเอาไปแปะติดไว้ที่ก้อน ก่อนนอน คือ อยากลองว่าจะเกิดอะไรขึ้น  พอตื่นมาตอนเช้า ก้อนที่แข็ง มันนุ่มลง และยุบลงไป ก็เอาแม่เหล็กออก พอเดินไปมาตามปกติ มันก็เริ่มปูดขึ้นมาอีก ก็แปะใหม่ก่อนนอน  ทำอยู่อย่างนี้ทุกวัน  4-5 วัน ก้อนมันก็เล็กลงเรื่อยๆ และก็หายไป โดยไม่ได้รักษาด้วยวิธีอื่นเลย  นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่เริ่มเชื่อว่า สนามแม่เหล็กมีผลต่อร่างกาย มีผลต่อการรักษาได้จริง

หลังจากศึกษาต่อมาเรื่อย ข้อมูลเรื่องแม่เหล็ก ก็เริ่มไปเกี่ยวข้องกับสนามแม่เหล็กไฟฟ้า หรือ Electromagnetic Field (EMF)  การศึกษาก็เลยเริ่มมาเกี่ยวข้องกับ EMF  ตอนนั้นก็ยังไม่รู้ว่า EMF มันมีผลต่อสุขภาพจริงหรือ  จนวันหนึ่งมีเพื่อนคนหนึ่งที่เป็นหมอฟันอยู่ออสเตรเลีย ถามว่า เพื่อนเค้ามีอาการนิ้วมือล๊อค ตึง จะแก้ไขยังไงดี  ก็ได้แต่แนะนำไปตามมาตราฐาน และก็ให้กิน Fish oil บ้างเผื่อจะช่วยได้ ส่วนคนที่เป็นมากจริงๆ ส่วนหนึ่งก็ต้องไปผ่าตัดแก้ไข  ในใจก็คิดว่า ตัวเราเองก็เริ่มมีปัญหานิ้วมือตึงตลอดเวลาทุกนิ้วเหมือนกัน ก็ยังแก้ไม่หาย เลยเริ่มตั้งคำถามว่า ที่นิ้วมือตึงนี่เป็นจากการเล่นโทรศัพท์มือถือ และ Notebook หรือเปล่า?  จากความรู้ที่หาข้อมูลเกี่ยวกับ แม่เหล็ก และ EMF มาก่อน จึงได้ทดลองสั่งซื้อถุงมือป้องกัน EMF ซึ่งปกติจะทำจาก Silver Fiber มาทอเป็นถุงมือ  หลังจากทดลองใส่แทบตลอดเวลา ยกเว้นตอนอาบน้ำ และตอนกินอาหาร  เป็นเวลา 3 วัน พบว่า อาการนิ้วมือที่เคยตึง กำไม่ค่อยลง มันหายได้โดยไม่ต้องใช้ยาอะไรเลย  ตอนนั้นเริ่มเชื่อแล้วว่า EMF มีผลต่อสุขภาพจริง  เลยคิดต่อไปว่า อาการป่วย ปวดข้อหาสาเหตุไม่เจอที่เป็นอยู่นั้น มันเป็นจาก EMF หรือเปล่า?

อุปกรณ์อย่างที่สอง ที่ผมจำเป็นต้องมีเพื่อพิสูจน์เรื่องนี้ คือ เครื่องวัด EMF หรือ Smog meter  ผมจึงสั่งซื้อ Smog meter มาหนึ่งเครื่องจากต่่างประเทศ  เมื่อได้มา ก็เริ่มวัดไปทุกจุดในบ้าน มาตกใจตรงเตียงที่ตัวเองนอน วัดค่าได้ 4-5 mW/m2  ในขณะที่ค่าที่ปลอดภัย ตามเครื่องวัดระบุ ไม่ควรเกิน 0.18 mW/m2 ก็พยายามหาว่า  EMF มาจากทิศไหน โดยใช้วิธีเอากระจกเงาแบบถือ ซึ่งสามารถบังคลื่นได้ เนื่องจากมีปรอทเคลือบอยู่ มาลองบังรอบๆ Smog meter ทีละด้าน เพื่อดูว่าบังด้านไหนแล้วตัวเลขลดลง ก็เจอว่า EMF ทะลุกำแพงด้านล่างใต้หน้าต่างมา ในมุมทะแยงขึ้นมา ดูจากทิศทางแล้ว เป็นทิศที่มีเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ตั้งอยู่ที่ปากซอย ห่างไปประมาณ 100 เมตร แต่มุมที่มาของคลื่นเป็นมุมทะแยง ซึ่งเป็นบริเวณที่จอดรถ มีหลังคาเป็นอลูมิเนียม ก็เข้าใจเลยว่า EMF ที่มาจากเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ ส่วนหนึ่งยิงตรงมาที่เตียง อีกส่วนหนึ่งสะท้อนหลังคาโรงรถ และรถที่จอดอยู่ มาที่เตียงอีกที รวมกับสัญญาณที่ยิงตรง จึงทำให้บริเวณเตียง มีระดับของ EMF สูงผิดปกติกว่าตำแหน่งอื่นในบ้าน  ก็เลยต้องหาทางลด EMF ที่มาที่เตียงให้ได้

จากความรู้ว่า EMF จากเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ เป็นคลื่นในช่วง Microwave ซึ่งทะลุคอนกรีตได้ แต่ทะลุโลหะไม่ได้ จึงทดลองเอา Aluminium foil ที่ใช้ทำอาหาร มาติดกับ Future board แล้วแปะติดผนังบริเวณที่ EMF ทะลุเข้ามาที่เตียง ติดจนเพียงพอแล้ว วัดค่า EMF ใหม่  คราวนี้ค่าลดลงไปอยู่แถวๆ 0.2-0.4 mW/m2  ก็ยังดี เพราะเพิ่งติดแค่โซนเดียว ยังไม่ได้ติดบังส่วนอื่นของผนัง

หลังจากสามารถลดระดับ EMF บริเวณเตียงลงได้ ก็เริ่มพบว่า ร่างกายดีขึ้นมาก อาการปวดข้อน้อยลง จากเดิม เวลานอนตื่นขึ้นมาแล้วมักจะปวดข้อมาก กลายเป็น พอได้นอนที่เตียงนี้แล้ว อาการจะดีขึ้น แต่ อาการปวดข้อเท้ายังไม่หายสนิท ยังเป็นซ้ำอยู่แม้จะดีขึ้น  แต่เริ่มสังเกตุว่า ทำไมขับรถแล้วมักจะปวดข้อเท้า  ก็เริ่มตั้งคำถามว่า ในรถ มี EMF สูงหรือเปล่า เพราะไม่เคยวัด และข้อมูลในต่างประเทศก็ไม่ค่อยพูดถึง EMF ในรถยนต์ แต่เริ่มมีพูดถึงระยะหลัง ในรถ Hybrid  แต่รถผมไม่ใช่ Hybrid ก็เลยไม่ได้วัด  พอสงสัยก็เลยเอา Smog meter ไปวัดดู  เจอเข้าเต็มๆเลยครับ รถคันที่ขับประจำ ตรงตำแหน่งวางเท้าทั้งซ้ายและขวา มีค่า EMF ขึ้นสูง ทั้ง ความถี่ต่ำ(LF) และความถี่สูง(RF)  โดยเฉพาะตรงเท้าซ้าย เจอค่า RF ขึ้นไปถึง 30-50 mW/m2  (ค่าปกติ ไม่ควรเกิน 0.18 mW/m2)  ปกติค่าที่วัดได้ พบว่าจะไม่คงที่ ขึ้นกับจังหวะของเครื่องยนต์  การทำงานของไดชาร์ท แอร์ อุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องเสียง  บางครั้งค่าก็ดูเหมือนจะต่ำ เหลือแค่ 6 mW/m2 บางครั้งก็พุ่งขึ้นไปถึง 50 mW/m2  ก็สรุปได้ว่า ขึ้นกับการทำงานของอุปกรณ์ในรถยนต์ของเรานั่นเอง  รถยี่ห้ออะไร รุ่นไหน ไม่ขอพูดนะครับ เดี๋ยวโดนฟ้อง  ทำไงล่ะคราวนี้  จะหาวิธีเอา Foil ไปบุ ก็ไม่หาย เพราะรถยนต์ มันเป็นเหมือนกล่องโลหะอยู่แล้ว คลื่นมันสะท้อนไปมา ทุกทิศทุกทาง กันไม่อยู่  เลยยอมหาซื้อรถคันใหม่  เวลาไปขอลองรถ ก็เอา Smog meter ไปวัดด้วย  สุดท้ายเจอรถที่มีค่า EMF ต่ำมาก โดยเฉพาะด้านคนขับ  เนื่องจากระบบการ Wiring สายไฟ และการวางตำแหน่งกล่องฟิวส์ อยู่ด้านซ้าย  ก็เลยซื้อรถรุ่นนั้นมาใช้  ตั้งแต่นั้นมา อาการปวดข้อเท้า ปวดข้ออื่นๆ ความรู้สึกผิดปกติของร่างกาย ที่ปวดซ้ำซากทุกๆสัปดาห์  เดินด้วยไม้เท้าบ่อยๆ ถึงบ่อยมาก  ก็เริ่มทุเลาลง ไม่ต้องกินยา ไม่ค่อยปวด จนกระทั่งหายไปหมด และไม่ปวดอีกเลยเป็นเวลาสองปีแล้ว

เมื่อรู้กับตัวเองว่า EMF มันมีผลจริงๆกับสุขภาพ ก็เริ่มระวัง EMF จากทุกแหล่ง  ย้ายตำแหน่ง WiFi Router จากเดิมที่เคยวางไว้ข้าง Destop หลัง monitor ก็หาสายมาต่อ ย้ายตำแหน่งให้ห่างออกไปเท่าที่ทำได้ อย่างน้อย 3 เมตร  Notebook ก็พยายามใช้ให้น้อยลง ไม่วางมือไว้เหนือ Notebook โดยไม่จำเป็น  ไม่วาง Notebook บนตัก  ไม่เล่นโทรศัพท์มือถือมากไป  เวลาเล่น พยายามวางบนโต๊ะ ไม่จับตลอดเวลา  เวลาคุยโทรศัพท์ ถ้าใช้สายเสียบหูฟัง จะดีกว่า เอาไปแนบหู  และดีกว่าใช้ Bluetooth  แต่ถ้าฉุกเฉิน ต้องยกคุย ก็อย่าเอาไปแนบหู ให้ถือให้ห่างที่สุด เท่าที่เรายังสามารถฟังได้ยิน  ถ้าปิด WiFi และ Data ได้ ก่อนที่จะต้องคุยโทรศัพท์นานๆ จะดีมาก  และยังมีอื่นๆอีก  คงได้กล่าวต่อไปในโอกาสหน้า  เพราะเราคงไม่สามารถหลีกเลี่ยง EMF ได้  เพราะตอนนี้มันมีอยุ่ทุกหนทุกแห่ง มากบ้างน้อยบ้าง ต้องวัดดูถึงรู้ว่าตรงไหนมาก

โดยส่วนตัว ผมรู้ว่า EMF มีผลต่อสุขภาพจริง  สำหรับคนอื่น จะเชื่อ หรือไม่เชื่อเรื่อง EMF ผมไม่เดือดร้อนอะไร เพราะสุขภาพใครก็ดูแลกันเองครับ ผมก็เล่าประสบการณ์ส่วนตัวให้ฟัง ส่วนใครจะไปหาข้อมูลเพิ่มโดยวิธีไหนก็ตามสะดวกครับ  จะละเลย หรือเพิกเฉย ก็ไม่ว่ากัน  รอวันหนึ่งที่มีปัญหาสุขภาพ ที่รักษาแล้วไม่หายสักที หาสาเหตุชัดๆไม่ได้ ก็อย่าลืมคิดถึงบทความที่ผมเขียนนะครับ กลับมาอ่านใหม่อีกครั้งก็ได้เมื่อถึงวันนั้น  ถ้าโชคดีก็อาจเป็นปัญหาสุขภาพที่ยังไม่ถึงตายไม่ถึงมะเร็ง  แต่ถ้าเป็นมะเร็งจริงๆ ที่หมอทั้งหลายบอกว่า อยู่ได้อีกไม่นาน  ก็อย่าเพิ่งหมดหวัง  ถ้าว่างๆ ผมจะเขียนวิธีรักษามะเร็ง ต่อจากเรื่อง EMF ในแนวทางการแพทย์ทางเลือก สำหรับคนที่สิ้นหวังจากการแพทย์สายหลัก และการแพทย์ทางเลือกสายอื่น  เพราะ ตอนนี้ วิธีรักษามะเร็งของการแพทย์สายหลัก ก็ยังรักษาได้แค่ระดับหนึ่ง  ส่วนการรักษาด้วยการแพทย์ทางเลือกทั่วๆไป คนก็ยังไม่เข้าใจกันดี และไม่หายเท่าไรนัก เพราะมันมีเหตุ ที่ทำให้ไม่หาย  แล้วพบกันครับ 

(อ่านบทความ "แนวทางการรักษามะเร็งกับการแพทย์ทางเลือก" ได้ใน https://cancergohome.blogspot.com)

10 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณที่ให้ข้อมูลค่ะ

    ตอบลบ
  2. ขอทราบยี่ห้อรถที่ EFM ต่ำหน่อยค่ะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. แนะนำซื้อจากต่างประเทศ รุ่นนี้ครับ ครอบคลุมทั้ง LF และ RF
      http://www.radmeters.com/Cornet-ED78S.html

      หมอสมชาย

      ลบ
  3. ผมเป็นคนนึงที่มีปัญหาไวต่อคลื่นทั้งโทรศัพท์และwifiครับ มันทำให้ผมมีปัญหากับการนอนหลับมาก รู้สึกเหมือนคนนอนไม่พอทุกวัน
    ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆนะครับ

    ตอบลบ
  4. แนวทางการรักษามะเร็งกับการแพทย์ทางเลือก https://cancergohome.blogspot.com

    ตอบลบ
  5. สวัสดีคะคุณหมอ ที่บ้านมีเครื่อง PEMF ใช้ประจำ อยากสอบถามว่าถ้าใช้บ่อยเกินไปจะมีผลกับร่างกายไหมคะ พอดีเพื่อนที่มาจากอเมริกาเขาแนะนำมาว่าช่วยได้ เหมือนที่คุณหมอได้เขียนบอกไว้ แต่เราไม่แน่ใจว่าถ้าใช้ทุกสป.จะมีผลเสียไหมคะ? มีคนไทยไม่กี่คนนะคะที่จะรู้เรื่องเครื่องนี้ ขอบคุณคุณหมอที่่ให้คำแนะนำคะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ใช้มากเกินไปก็มีผลเสียครับ ต้องดูด้วยว่า คำว่าเครื่อง PEMF ของคุณ หมายถึงเครื่องแบบไหน ขั้วแต่ละขั้วมีผลแตกต่างกัน ความถี่แต่ละความถี่ก็มีผลต่างกัน ถ้าต้องการทราบข้อมูลเพิ่มก็ส่งรูปเครื่องที่มีอยู่ไปให้ดูทาง emailก็ได้ครับ doctortohome@gmail.com สงสัยอะไรก็ถามไปได้ครับ มีเครื่องนีแล้วก็ศึกษาให้ดีครับ ใช้ช่วยในการรักษามะเร็งได้ ลองอ่านใน https://cancergohome.blogspot.com

      ลบ
  6. *****ผลการวิจัยล่าสุด ความเชื่อมโยงระหว่างโทรศัพท์มือถือ กับ มะเร็ง
    https://www.consumerreports.org/cell-phones/government-to-announce-results-of-study-on-cell-phones-and-cancer-today/

    *****international EMF Scientist Appeal จากกว่า 40 ประเทศ ลงนามเรียกร้อง ไปที่ UN
    https://www.emfscientist.org/index.php/emf-scientist-appeal

    ตอบลบ
  7. ***** แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม ด้านอันตรายจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า*****

    http://www.magdahavas.com/

    https://youtu.be/m9YM_vLKR8c

    ตอบลบ
  8. ข้าพเจ้าเป็นคนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ แต่ช่วงแรกไม่มีความรู้เรื่องEMFคืออะไร จำได้ว่าตอนนั้นดีใจที่เสามาตั้งใกล้เพราะคลื่นจะได้ชัด จนกระทั่งเวลาผ่านไป3-4ปีเริ่มมีอาการป่วยเป็นนู้นเป็นนี่ตลอด แต่หาสาเหตุไม่ได้ ทุกวันนี้รู้ตัวเองว่าเป็นผู้ป่วยแพ้ ร่างกายไวต่อการสัมผัสคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ใช้ชีวิตลำบากมาก ร้องเรียนไปทางกสทช กสทชจะขอใบรับรองแพทย์ท่าเดียว (เหมือนรู้ปัญหาแต่แสร้งมองไม่เห็นปัญหาแถมยังทำสปอตโฆษณามาสนับสนุนค่ายมือถือว่าเสาสัญญาณไม่เป็นอันตราย) ขอยืนยันตรงนี้ว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากเสาส่งสัญญาณมือถือมีผลกระทบกับร่างกายและเป็นอันตรายกับมนุษย์แน่นอน
    (ผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากการตั้งเสาส่งสัญญาณมือถือใกล้ที่พัก)

    ตอบลบ