วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

2. ประโยชน์ และโทษ ของ EMF ต่อสุขภาพ

ในประเทศไทย ยังไม่ค่อยมีใครสนใจเรื่องผลกระทบต่อสุขภาพจาก EMF กันเท่าไรนัก แม้จะมีข่าวอยู่บ้าง ว่ามีชาวบ้านร้องเรียนว่า มีปัญหาสุขภาพ หลังจากมีการตั้งเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ในบริเวณใกล้เคียง  แต่หน่วยงานของรัฐ ก็มักออกมาปกป้องบริษัทเอกชนที่ทำธุรกิจสื่อสาร รวมทั้งมักอ้างว่า ทุกอย่างอยู่ในค่ามาตราฐาน แล้วก็เงียบๆไป ปล่อยให้ประชาชนมีปัญหาสุขภาพกันไป โดยหาสาเหตุไม่ได้

EMF มีผลต่อร่างกายจริงหรือ  ถ้ายกตัวอย่างง่ายๆที่เห็นชัด ก็เช่น ลองลืมตาจ้องมองแสงจากดวงอาทิตย์ดูสักพักว่าจะเกิดอะไรขึ้น  แสงจากดวงอาทิตย์ ก็เป็น EMF ในช่วงคลื่นแสงที่มองเห็น แสง UV และ Infrared รวมทั้งมีช่วงคลื่นอื่นๆที่ถูกสกัดออกไปจากชั้นบรรยากาศโลก  หรือถ้าตากแดดนานๆ เราคงทราบดีว่า จะเกิดอะไรขึ้น  ตัวอย่างง่ายๆนี้แสดงให้เห็นว่า พลังงานที่ส่งมาจาก EMF นั้น มีผลกับร่างกายเรา มากน้อย ขึ้นอยู่กับแต่ละคน เช่น บางคน อาจทนแดดได้นานกว่าอีกคนหนึ่ง  เพราะมนุษย์มีความแตกต่างกัน  EMF ที่มาจากเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์  จากเตาไมโครเวฟ  จากโทรศัพท์มือถือ  จาก WiFi Router ฯลฯ ก็เช่นเดียวกัน มีผลกับคนแต่ละคนไม่เท่ากัน  มีคนประมาณ 30 % ที่รู้สึกได้ถึงความผิดปกติบ้าง เมื่อสัมผัสกับคลื่นจากอุปกรณ์เหล่านี้  แต่มีประมาณ 3 % ที่เกิดการแพ้ที่รุนแรง เกิดความผิดปกติมาก ในด้านต่างๆของร่างกาย ในสภาวะที่ได้รับคลื่นในระดับที่เท่าๆกัน  แต่ไม่ได้หมายความว่า คนที่ไม่รู้สึก หรือ ทนกับ EMF ได้นั้น จะไม่เกิดปัญหาสุขภาพตามมา  จริงๆแล้ว ทุกคนได้รับผลกระทบหมด เพียงแต่บางคนรู้สึก แต่บางคนไม่รู้สึกเท่านั้น

เนื่องจาก EMF ที่นำมาใช้กันมากในการสื่อสาร เป็นความถี่ระดับ Microwave  ซึ่งปกติแล้ว ช่วงคลื่นนี้จะถูกดูดซับโดยส่วนที่เป็นน้ำ เหมือนเวลาเราปรุงอาหาร จะพบว่า อาหารสุกออกมาจากด้านใน ซึ่งต่างจากการย่างตามปกติ ซึ่งจะสุกจากด้านนอกที่สัมผัสความร้อน  EMF ระดับ Microwave นี้ สามารถทะลุร่างกายเราเข้าไปถึงระดับเซล ส่งพลังงานโดยตรงให้ระดับเซลของเรา  ถ้าพลังงานไม่มาก มันก็ไม่เกิดผลมากนัก แต่เมื่อเราต้องเจอกับคลื่นพวกนี้ตลอด 24 ชม. แม้ระดับมันจะต่ำบ้าง สูงบ้าง แต่มันก็เริ่มมีผล เพราะระยะเวลาที่มีการสัมผัสอย่างต่อเนื่อง  มีการศึกษาในต่างประเทศ ถึงปัญหาสุขภาพในกลุ่มคนที่อาศัยอยู่รอบๆ เสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ ในรัศมี 300 เมตร พบว่า มีสถิติการป่วยในด้านต่างๆมากขึ้นผิดปกติ กลุ่มอาการเหล่านี้ ฝรั่งเรียกว่า Rapid Aging Syndrome คือ การเสื่อมของร่างกายที่เกิดขึ้นมาจากภายในอย่างรวดเร็ว จากการได้รับ EMF ในระดับสูงอยู่เป็นเวลานาน อาการที่เกิดขึ้นได้แก่ นอนไม่หลับ มึนงง อ่อนเพลีย ปวด วิตกกังวล ซึมเศร้า ซึ่งเป็นเรื้อรัง  จากการสำรวจ วิจัย เก็บข้อมูล พบว่า กลุ่มคนที่อยู่ในรัศมี 300 เมตรจากเสาส่งสัญญาณ มันมีปัญหาสุขภาพ ดังนี้
1. Fatique
2. Sleep disturbance
3. Headaches
4. Feeling of discomfort
5. Difficulty concentrating
6. Depression
7. Memory loss
8. Visual disruptions
9. Irritability
10. Hearing disruptions
11. Skin problems
12. Cardiovascular
13. Dizziness
14. Loss of appetite
15. Movement difficulties
16. Nausea

นอกจาก EMF ที่เป็นระดับ Microwave แล้ว  EMF ที่เป็นระดับ Low Frequency ที่มักมาจากอุปกรณ์ไฟฟ้า และสายไฟฟ้าในบ้าน เวลาที่มีการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าเหล่านั้น ก็ทำให้เกิด Dirty Electricity และเกิด EMF ที่เป็น Low Frequency ตามมา   คลื่น LF นั้น ก็มีผลต่อสุขภาพเช่นกัน ยิ่งสัมผัสเป็นเวลานาน ก็ยิ่งเกิดปัญหา

มีการทดลองโดยการเจาะเลือดมาตรวจ เพื่อดูการกระจายตัวของเม็ดเลือดแดง เปรียบเทียบกับ เลือดที่เจาะหลังจากให้คนๆเดิม ไปนั่งเล่นคอมพิวเตอร์ นาน 70 นาที และใช้โทรศัพท์มือถือ อีก 10 นาที  พบว่า เม็ดเลือดแดงก่อนเล่นคอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์นั้น มีการกระจายตัวที่ดี  ส่วนเม็ดเลือดแดงที่เห็นหลังจากไปเล่นคอมและโทรศัพท์ นั้นเกิดการเกาะตัวเป็นกลุ่มก้อน เป็นสาย ที่เรียกว่า Rouleaux formation ซึ่งมีผลต่อการไหลเวียน และการนำออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกาย  นอกจากนี้ ยังพบอุบัติการของการเกิดมะเร็งของสมอง และส่วนอื่นของร่างกายเพิ่มขึ้น เช่น ในตำรวจประเทศหนึ่ง ที่มีการเหน็บวิทยุสื่อสารไว้บริเวณไหล เพื่อเอียงหน้าไปพูดได้ตลอดเวลา พบอุบัติการเกิดมะเร็งเต้านมในตำรวจหญิงเพิ่มขึ้น รวมทั้งปัญหาที่บริเวณคอ และสมอง

EMF ใช่ว่าจะมีแต่โทษ ที่จริงเรามีการนำ EMF ไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ รวมทั้งด้านสุขภาพ คนอาจป่วยจากการสัมผัส EMF แต่ก็มีการทำให้คนหายป่วย จากการใช้ EMF เช่นกัน มีการประดิษฐ์เครื่องมือที่ปล่อยพลังงานคลื่นออกมาเป็นจังหวะ เรียกว่า PEMF (Pulsed Electromagnetic Field)  ซึ่งนำมาใช้ประโยชน์ในด้านการรักษา ทั้งในคนและสัตว์ มีการพิสูจน์ให้เห็น ด้วยการส่องดูการไหลเวียนของเม็ดเลือดในระดับ Capillaries พบว่า ในคนไข้ที่มีการไหลเวียนผิดปกติ เม็ดเลือดแดงเกาะกันเป็นกลุ่ม เมื่อนำมาให้ PEMF เข้าไป พบว่า เม็ดเลือดแดงที่เป็นกลุ่ม กระจายตัวออก การไหลเวียนของเม็ดเลือดแดงดีขึ้น และเม็ดเลือดขาวเคลื่อนตัวเข้าไปในเนื้อเยื่อต่างได้สะดวกขึ้น  มีการใช้ PEMF กันในหลายประเทศทั่วโลก แม้จะไม่ใช่เป็นการแพทย์สายหลัก  แต่ก็เป็น Alternative Medicine อย่างหนึ่ง ที่ได้ผล โดยเฉพาะเมื่อใช้รักษาอาการที่เกิดจาก EMF ด้วยกัน  เหมือนกับ "หนามยอก เอาหนามบ่ง" ประมาณนั้นเลย

ศาสตร์การรักษาด้วย PEMF นั้น ในต่างประเทศมีมาหลายสิบปีแล้ว เมื่อก่อนเรียกว่า Frequency Medicine ต่อมาภายหลัง เรียกว่า Energy Medicine  ซึ่งมีแพทย์ ที่เป็นต้นกำเนิดการใช้สนามแม่เหล็ก และ EMF ในการรักษาโรค อยู่ 2 ท่านที่น่ากล่าวถึง คือ Dr. Bob Beck  และ Dr. Royal Rife  สำหรับ Bob Beck นั้น ได้ประดิษฐ์เครื่องยิงสนามแม่เหล็กแบบง่ายๆ โดยเริ่มแรก ดัดแปลงจากการใช้กระแสไฟฟ้าจากแฟลชกล้องถ่ายรูป ส่งเข้าไปในขดลวดเพื่อทำให้เกิดสนามแม่เหล็ก และ EMF แบบรวม เป็นการยิงทีละนัด เหมือนยิงสนามพลังงานเข้าไปในร่างกาย เพื่อรักษามะเร็ง ไวรัส และเชื้อโรคอื่นๆ  เป็นเทคนิคการรักษาที่เป็นส่วนหนึ่งของ Bob Beck's Protocol  ส่วนของ Royal Rife นั้น ค้นพบว่าการใช้ความถี่ที่ถูกต้อง สามารถทำให้เชื้อโรคตายได้ เหมือนการเกิด Resonance ของคลื่นเสียงที่มีความถี่ถูกต้องสามารถทำให้แก้วแตกได้  แพทย์และนักวิทยาศาสตร์รุ่นต่อๆมาก็มีการวิจัย และพัฒนาเทคนิค รวมทั้งค้นหาคลื่นความถี่ต่างๆที่สามารถรักษาโรคต่างๆได้  เป็นศาสตร์แขนงหนึ่ง เรียกว่า Frequency Medicine หรือ Energy Medicine เพียงแต่ศาสตร์นี้ ไม่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการให้ใช้ในการรักษาเป็นหลัก  แต่ถูกดึงมาใช้ในบางอุปกรณ์ บางสาขา เช่น การรักษามะเร็ง โดยใช้ RF  การยกกระชับใบหน้าโดยการใช้เครื่อง Thermage  การทำให้แผลเป็นที่เป็นหลุมดีขึ้น โดยใช้ RF   การรักษาคนไข้ซึมเศร้า โดยใช้ Magnetic Stimulator  การรักษาปัญหากระดูกพรุนในนักบินอวกาศ เป็นต้น  ทั้งหมดเป็นศาสตร์จาก Energy Medicine ทั้งสิ้น

1 ความคิดเห็น: